Wednesday, March 19, 2014

ทำมาหากิน ตอน รับจ้างนั่งเครื่องบิน

สวัสดีค่ะ ไม่ได้อับเดท Blog มานาน วันนี้ มาว่าเรื่อง ทำมาหากินกันดีกว่าน่ะค่ะ
หัวเรื่องอาชีพใคร อาชีพมัน(ส์) เส้นทางอาชีพมันส์ๆในแดนไทยและต่างแดน สำหรับคนที่มีความขยันหมั่นเพียร บวกความซื่อสัตย์ไม่เพียงพอ ต้องเพียร คิดต่าง/คิดแตก/คิดแปลก เพื่อพิชิต "ความเป็นหนึ่ง"

เครดิต: จากหนังสือ อาชีพใคร อาชีพมัน (ส์)


รับจ้างนั่งเครื่องบิน

ดูชื่อเรื่องอาจไม่เชื่อว่าจะเป็นอาชีพจริง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว อาชีพของเขานั้นแปลกและน่าสนใจเหลือเกิน จนต้องหยิบมานำเสนอ คิดดูก็แล้วกันว่า เขาได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยว แถมยังได้ใช้เงินฟรีอีก มีที่ไหนสำหรับอาชีพที่น่าอิจฉาแบบนี้

     ถ้าเป็นคุณบ้างล่ะ มีใครมาจ้างให้นั่งเครื่องบินเที่ยวพร้อมค่าตอบแทนเป็นเงินห้าหลัก จะรับทำงานนี้มั้ย เชื่อว่ามีหลายคนบนโลกใบนี้ที่รอเวลามาชั่วชีวิต ว่าเมื่อไหร่จะได้นั่งเครื่องบินกับเขาสักหน (รับรองจะไม่ลืมพระคุณ) แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีบุญได้นั่งเครื่องบินกับเขาแม้แต่ครั้งเดียว ในขณะที่บางคนอาจขึ้นเครื่องบินจนเบื่อและขี้เกียจนั่งด้วยซ้ำไป

     เอาละ คุณคงนึกสงสัยว่าอยู่ดีๆ ใครจะมาจ้างและจ้างไปทำไม แน่นอนว่าทุกอาชีพล้วนมีจุดมุ่งหมายด้วยกันทั้งนั้น ต่างกันตรงที่จะแปรรูปเป็นเงินหรือเป็นความสุขมากกว่า โดยเฉพาะสถานการณ์โลกที่กำลังคุกคามโดยผู้ก่อการร้ายข้ามชาติด้วยแล้ว การขึ้นเครื่องบินจึงไม่ใช่เป็นเรื่องน่าปลอดภัยต่อชีวิตนัก ใครล่ะจะกล้าเสี่ยงทิ้งชีวิตไปกับอาชีพนี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อเหตุผลบางประการ

     ขจร บอกว่า ไม่สามารถเปิดเผยชื่อและนามสกุลจริงได้ เพราะเป็นจรรยาบรรณในการจ้างงานที่จะไม่เปิดเผยถึงภารกิจการทำงาน บนเครื่องบินนี้ ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกเลิกจ้างทันที ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจะหมดหนทางทำมาหาเลี้ยงชีพ บนเส้นทางนี้ต่อไป

     ขจร เด็กหนุ่มวัย 24 ปี เกิดที่ชุมชนคลองเตย แต่ได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตั้งแต่เด็ก จากนั้นพ่อแม่ก็แยกทางกัน ชีวิตของเขาเริ่มพลัดพรากจากพ่อแม่ตั้งแต่นั้น 
โดยต้องไปอาศัยอยู่กับตาและน้าชาย ต่อสู้กับชีวิตยากลำเค็ญอย่างไม่ย่อท้อ ทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนจนจบระดับ ปวส. สาขาช่างยนต์ และกำลังเรียนต่อปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช


      แม้โอกาสดีๆในชีวิตของเขาจะมีน้อย  ทั้งความยากลำบากยังติดตามเขาดั่งเงาตามตัว ฉะนั้นการจะไปเที่ยวหรือใช้ชีวิตเหมือนเพื่อนคนอื่นๆในช่วงวัยรุ่นจึงแทบไม่มีเลย เพราะเวลาที่มีจะหมดไปกับการทำงานหนักเพื่อเลี้ยงปากท้องตัวเองให้อิ่ม และยังต้องเก็บเงินเป็นค่าหน่วยกิต เพื่อเรียนให้จบปริญญาตรีดังที่เขามุ่งมั่นตั้งใจ

     แต่แล้วก็เหมือนพระเจ้ามาโปรด ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆ จะมีคนมาชวนเขาไปนั่งเครื่องบินเที่ยว แถมยังมีเงินใช้ฟรีๆ ในชีวิตจริงแค่นั่งรถเก๋งไปนอกตัวจังหวัด ยังแทบไม่เคยเลย ด้วยความตื่นเต้นกับค่าตอบแทน เขาถึงกับนอนไม่หลับทั้งคืน

     ขจรเริ่มต้นเล่าที่มาของอาชีพนี้ "เผอิญฝรั่งมาติดต่อว่าสนใจจะรับจ้างนั่งเครื่องบินมั้ย ถ้าสนใจให้ลงชื่อไว้แล้วส่ง รายชื่อไปทางอีเมล หลังจากนั้นเขาก็ติดต่อกลับมา ทำให้ผมมีโอกาสได้นั่งเครื่องบิน ได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต ซึ่งน้อยคนจะมีโอกาสได้ทำอย่างนั้น ไม่ใช่พวกผมกลุ่มเดียวที่มารับจ้างนั่งเครื่องบิน ยังมีอีกหลายกลุ่ม อย่างกลุ่มที่เป็นชาวบ้านจริงๆนุ่งผ้าซิ่น เคี้ยวหมาก ยังมารับจ้างขึ้นเครื่องบินเลย ซึ่งหัวหน้ากลุ่มของชาวบ้านจะเป็นคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ไม่ทราบว่ากลุ่มนี้ติดต่อ กันยังงัยถึงได้มา จะมีกลุ่มละประมาณ 10 คน

     " คนที่มาว่าจ้างเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน ผมไม่รู้จริงๆว่าเขามาจ้างผมเพื่ออะไร ผมรู้คร่าวๆเท่านั้น คือเขาจะเอาแต้มสะสมไมล์ในการบินไปทำกำไรหรืออะไรสักอย่าง เท่าที่ทราบคือการเดินทางโดยเครื่องบินภายในสหรัฐจะได้บัตรทอง (Gold Class) สามารถเอาไปลดค่าใช้จ่ายหรือบินฟรีได้ ไม่รู้ว่าเขาได้หลักการนี้มาจากไหนน่ะ


     " ก่อนทำงานต้องมีการทำสัญญาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ลงชื่อ-นามสกุลจริงที่ถูกต้องตามกฏหมาย ทุกคนต้องเซ็นชื่อโอนแต้มสะสมไมล์ไปให้กับฝรั่งซึ่งมีถึง 3 กลุ่ม ประมาณ 30 คนที่ต้องโอนแต้มสะสม ฝรั่งคนนี้เขาใช้บริการของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งมันจะเป็นเครือพันธมิตรกับสายการบินอื่นๆที่สามารถ โอนแต้มสะสมไมล์กันได้

     " พูดถึงเรื่องการลงทุน ถือว่าค่าตั๋วของไทยถูกกว่า สมมติว่านั่งจากเชียงใหม่ไปเชียงราย 500 บาท เรียกว่าไม่กี่ดอลลาร์ของเขาเอง ถือว่าถูกสำหรับเขา เลยยอมลงทุนตรงนี้ ส่วนใหญ่จะนั่งเครื่องบินภายในประเทศ แถบภาคเหนือตอนบนของประเทศ อย่างจะนั่งจากเชียงใหม่ไปเชียงราย-แม่ฮ่องสอน แต่จะมีวันหนึ่งที่ต้องนั่งเครื่องบินเล็ก จะนั่งยาวเลยตั้งแต่เชียงใหม่-แพร่-น่าน-พิษณุโลก แล้วก็จากพิษณุโลก-น่าน-แพร่-เชียงใหม่ ย้อนกลับมา คือจะไม่ไปไหนเลยอยู่สนามบินกันตลอด

     " ตั้งแต่เช้าพวกเราจะนัดหมายกันในสถานที่แห่งหนึ่งก่อน แล้วจ้างรถสองแถวมารับเราไปสนามบิน พอถึงสนามบิน เราก็ไปเช็คอินล่วงหน้าก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พอได้ตั๋วแล้ว ก็ให้ทุกคนถือไว้ เสร็จแล้วก็บินตามนั้น ขึ้นๆลง ตลอด ภายในหนึ่งวันจะนั่ง 6 เที่ยว เท่ากับ 3 รอบ อย่างจากเชียงใหม่ ไปเชียงราย และเชียงรายกลับมาเชียงใหม่ ถือเป็นหนึ่งรอบ เราต้องทำอย่างนี้ 3 รอบ

     " พอนั่งเครื่องบินลงมา เราก็รออยู่ที่สนามบิน เตรียมเช็คอินต่อเลย เพื่อนั่งเครื่องบินกลับมา ต้องทำแบบนี้จนครบกำหนด ใช้เวลาแต่ละเที่ยวประมาณ 45 นาที อย่างจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีปัญหาในเรื่องของหมอก บางทีเครื่องบินลงไม่ได้ ต้องบินกลับ ถ้าบางเที่ยวบินไม่ได้ต้องเลื่อนไป ทำให้การสะสมไมล์ของผมไม่ครบ ต้องยืดเวลาในการบินออกไปอีก ผมต้องมาบินซ่อมให้ครบตามเป้าหมาย ภายใน 1 อาทิตย์จะนั่งเครื่องบิน 6 วัน โดยจะมีเป็นทริปๆไป พอหมดทริปแรกก็ต้องรอทริปสอง

     " ทุกคนในกลุ่มจะตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อนเลย ผมยอมรับว่าตื่นเต้น แถมเมาเครื่องบิน อาเจียนออกมาเลย อย่างภายใน 1 อาทิตย์จะมีวันหนึ่งที่ต้องนั่งเครื่องบินเล็ก จะไม่ค่อยมีใครอยากนั่ง เพราะมันเป็นเครื่องบินแบบใบพัด ไม่ใช่ไอพ่น เสียงมันจะดังมาก แล้วก็ร้อนและมึนหัว ช่วงแรกๆที่นั่งก็เพลียเลย

     " ค่าตอบแทนที่ได้ รวมเบ็ดเสร็จประมาณหมื่นกว่าบาทต่อทริป โดยจะทยอยแบ่งเงินให้เป็นสัปดาห์ เช่นสัปดาห์แรกอาจได้ 500 บาท สัปดาห์ที่สองอาจได้ 800 บาท สัปดาห์ต่อไปจะเป็น 1,200-1,500 ว่าไปจนครบ คือค่อยๆทยอยให้ เขาไม่อยากให้เราเบี้ยวไง ถ้าคุณบินครบก็จะได้ตามจำนวนเงินที่กำหนดหมื่นกว่าบาท เขาจะไม่ฟิกซ์ว่านั่งจากที่นี่ไปที่นั่นได้เท่าไหร่ เขาคิดเป็นสัปดาห์ๆซึ่งจะมากขึ้นเรื่อยๆเป็นหลายพัน ทุกคนจะได้เงินเท่ากันหมด

     " ผมคิดว่ามันเป็นงานที่สบายน่ะ เพราะอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นชาวบ้านเนี่ย ผมได้ยินเขาพูดว่า ถ้าทริปหน้ามีอีกน่ะ พวกเขาจะทิ้งจอบทิ้งเสียมเลย เขาคิดว่ามันสบายจริงๆแค่นั่งขึ้นนั่งลง หลับบ้างคุยกันบ้าง มันไม่มีอะไรมาก ถือว่าคุ้มน่ะหลายๆคนพอใจในจุดนี้ มีรายได้หมื่นกว่าบาทกับเวลาประมาณเดือนเศษ ตอนนี้ผมได้บัตรทองแล้ว เป็นชื่อ-นามสกุลจริงจากแคนาดาเลย"

     " ขจรอธิบายอย่างอารมย์ดีพร้อมควักบัตรทองขึ้นมาโชว์ แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดี ว่านอกจากเขาจะได้นั่งเครื่องบินเที่ยว แถมได้เงินใช้เป็นค่าตอบแทนแล้ว ยังได้อะไรนอกจากนี้มั้ย

     " การที่พวกเราได้นั่งเครื่องบิน ทำให้พวกเรามีความหวัง มีความฝัน ว่าถ้าเราเสร็จจากทริปนี้ พวกเราอยากได้เงินไปลงทุนทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนไม่มาก บางคนอยากเอาไปเรียนหนังสือ บางคนอยากเอาไปลงทุนทำกิจการอะไรสักอย่าง บางคนอยากไปเปิดร้านขายของ พวกเรามีความหวังเพราะฝรั่งบอกว่าจะมีทริปแบบนี้ไปเรื่อยๆไง ขจรตอบคำถามทิ้งท้าย

--------------------------end-----------------------------